ภาษา : ไทย
เข้าสู่ระบบ


รับข่าวสาร
อีเมล์ของคุณ :
 สมัคร    ยกเลิก




ติดต่อเรา


สังคมออนไลน์
  


  QR Code


สถิติของเว็บไซต์
01/08/2555
05/03/2567
6878394
374731


ออนไลน์
ผู้ใช้งานขณะนี้ :
 
 บุคคลทั่วไป  5 ราย


ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย และภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีการจ่ายเงินตามสัญญาเช่ารถยนต์และสัญญาการให้บริการพนักงานขับรถยนต์ ข้อหารือ สำนักบริหารภาษีธุรกิจขนาดใหญ่


ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย และภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีการจ่ายเงินตามสัญญาเช่ารถยนต์และสัญญาการให้บริการพนักงานขับรถยนต์ ข้อหารือ สำนักบริหารภาษีธุรกิจขนาดใหญ่

เลขที่หนังสือ : กค 0702/2753

วันที่ : 17 ธันวาคม 2552

เรื่อง : ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย และภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีการจ่ายเงินตามสัญญาเช่ารถยนต์และสัญญาการให้บริการพนักงานขับรถยนต์ ข้อหารือ สำนักบริหารภาษีธุรกิจขนาดใหญ่

ข้อกฎหมาย : คำสั่งกรมสรรพกร ท.ป.4/2528ฯ

 

ข้อหารือ : บริษัทฯ ประกอบกิจการผลิตและจำหน่ายรถยนต์นั่งและรอบบรรทุกได้ทำสัญญาเช่ารถยนต์ และสัญญาการให้บริการ พนักงานขับรถ กับบริษัท พ. ผู้ให้เช่าและผู้ให้บริการพนักงานขบรถ รายเดียวกัน แยกทำสัญญา 2 ฉบับ โดยมีข้อเท็จจริงสรุปได้ดังนี้

               1. บริษัทฯ ได้ทำสัญญาเช่ารถยนต์ กับบริษัท พ. ซึ่งเป็นนิติบุคคลจดทะเบียนตามกฎหมายไทย มีทุนจดทะเบียน ชำระแล้วจำนวน 984 ล้านบาท และเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม บริษัทฯ ทำสัญญาเช่ารถยนต์ มีกำหนดระยะ เวลา 3 ปี กำหนดชำระค่าเช่าเป็นรายเดือน ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ทำสัญญาเช่ารถยนต์หนึ่งฉบับต่อรถยนต์หนึ่งคัน โดยได้ระบุหมายเลขทะเบียนรถไว้ในแต่ละสัญญา

               2. บริษัท พ. ได้ทำสัญญาการให้บริการพนักงานขับรถยนต์กับบริษัทฯ อีกฉบับหนึ่งแยกต่างหากจากสัญญาเช่ารถยนต์ โดยมิได้ระบุว่าพนักงานแต่ละคนต้องขับรถคันที่เช่ามาคันใดคันหนึ่งเป็นประจำ โดยจะทำสัญญาเป็นรายปี ปีละ 1 สัญญา กำหนดชำระค่าบริการ และบริการเพิ่มเติม (กรณีพนักงานขับรถปฏิบัติงานนอกเวลาทำการปกติหรือเดินทางไปต่างจังหวัด) เป็นรายเดือน เนื่องจากวัตถุประสงค์และกำหนดระยะเวลาของสัญญาเช่ารถยนต์และสัญญาให้บริการพนักงานขับรถยนต์แตกต่างกัน บริษัทฯ ขอหารือว่า ความเข้าใจดังต่อไปนี้ ถูกต้องหรือไม่

                1. สัญญาเช่ารถยนต์ดังกล่าว เข้าลักษณะเป็นการให้เช่าแบบลิสซิ่ง ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดไว้ ตามข้อ 6 ของคำสั่งกรมสรรพกรที่ ท.ป. 4/2528 เรื่อง สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528 เมื่อบริษัทฯ จ่ายค่าเช่ารถยนต์ จึงไม่มีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย

               2. สัญญาการให้บริการพนักงานขับรถยนต์ดังกล่าว เข้าลักษณะเป็นสัญญาให้บริการเมื่อบริษัทฯ จ่ายค่าบริการดังกล่าว จึงมีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ในอัตราร้อยละ 3.0 ตามข้อ 8(2) ของคำสั่งกรมสรรพกรที่ ท.ป. 4/2528ฯ ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ.2528

               3. บริษัทฯ มีสิทธินำค่าบริการตามสัญญาการให้บริการพนักงาขับรถยนต์มาถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำหรสุทธิเพื่อ เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 4 แห่งพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยรายจ่าย ที่ไม่ให้ถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ (ฉบับที่ 315) พ.ศ.2540

 

แนววินิจฉัย

          บริษัท พ. ประกอบกิจการให้เช่ารถยนต์ และให้บริการพนักงานขับรถยนต์แยกต่างหากจากกัน เช่น ผู้เช่าอาจทำสัญญาเช่ารถยนต์ โดยไม่ทำสัญญาใช้บริการพนักงานขับรถยนต์ก็ได้ หรือผู้เช่าอาจทำสัญญาใช้บริการพนักงานขับรถยนต์ โดยไม่ทำสัญญาเช่ารถยนต์กับริษัทก็ได้ และในกรณีที่บริษัทฯ ทำสัญญาเช่ารถยนต์และสัญญาการให้บริการพนักงานขับรถยนต์กับบริษัท พัฒนาไทยฯ คู่สัญญามีเจตนาที่แยกสัญญาทั้งสองฉบับออกจากกันอย่างชัดเจนโดยราคาบริการตามสัญญาทั้งสองฉบับเป็นไปตามราคาตลาด กรณีดังกล่าวคู่สัญญามีสิทธิที่จะทำสัญญาแยกต่างหากจากกันได้ตามหลักความศักดิ์สิทธิของการแสดงเจตนาและกรณีตามข้อเท็จจริง ข้างต้นพิจารณาได้ดังนี้

          1. บริษัทฯ ทำสัญญาเช่ารถยนต์และทำสัญญาให้บริการพนักงานขับรถยนต์แยกต่างหากจากกัน ถือว่า

               1.1 สัญญาเช่ารถยนต์ เข้าลักษณะเป็นการให้เช่าทรัพย์สินตามมาตรา 537 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เงินค่าเช่าเข้าลักษณะเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 537 แห่งประมวลกฎหมายแห่งและพาณิชย์ เงินค่าเช่าเข้าลักษณะเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (5)(ก) แห่งประมวลรัษฎากร ผู้จ่ายค่าเช่ามีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ในอัตราร้อยละ 5.0 ทั้งนี้ ตามข้อ 6(2) ของคำสั่งกรมสรรพกรที่ ท.ป. 4 2528ฯ ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528

               1.2 สัญญาให้บริการพนักงานขับรถยนต์ เข้าลักษณะเป็นสัญญาการให้บริการ เมื่อบริษัทฯ จ่ายค่าบริการดังกล่าว จึงมีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ในอัตราร้อยละ 3.0 ตามข้อ 12/1 ของคำสั่งกรมสรรพกรที่ ท.ป. 4/2528ฯ ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ.2528

           2. กรณีบริษัทฯ ทำสัญญาให้เช่าทรัพย์สิน ซึ่งถือเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 4(5)(ก) แห่งประมวลรัษฎากร ผู้จ่ายค่าเช่ามีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ในอัตราร้อยละ 5.0 ทั้งนี้ ตามข้อ 6(2) ของคำสั่งกรมสรรพกรที่ ท.ป. 4/2528ฯ ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ.2528

           3. บริษัทฯ มีสิทธินำค่าเช่ารถยนต์ตามสัญญามาถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินคันละสามหมื่นหกพันบาทต่อเดือน ตามมาตรา 65 ตรี(20) แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับมาตรา 4(2) แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 315) พ.ศ. 2540  เนื่องจากการตราพระราชกฤษฎีกาฉบับดังกล่าว มีวัตถุประสงค์ที่จะมุ่งถึงราคา ค่าเช่าทรัพย์สินเป็นสำคัญ และมีสิทธินำค่าบริการพนักงานขับรถยนต์มาถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้ นิติบุคคลได้ทั้งจำนวน

 

เลขตู้ : 72/37049

 

ที่มา : http://www.rd.go.th/