เลขที่ 919/541 อาคารจิวเวลรี่ เทรด เซ็นเตอร์ ชั้น49 ถนนสีลม แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพ ฯ ไทย 10500
สาระสำคัญของคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
เป็นไปตามกฎหมายต่างๆ ดังต่อไปนี้
1. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
2. ระเบียบที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์การอุทธรณ์คำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในกรณีมีพยานหลักฐานใหม่ซึ่งอาจทำให้ข้อเท็จจริงเปลี่ยนแปลงไปในสาระสำคัญ พ.ศ. 2551
3. พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2542
โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
1. สาระสำคัญตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
1. ในกรณีที่นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภาหรือข้าราชการการเมืองอื่น ถูกกล่าวหาว่าร่ำรวยผิดปกติ กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญา หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่หรือทุจริตต่อหน้าที่ตามกฎหมายอื่นให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีอำนาจพิจารณาพิพากษา ตามมาตรา 275 วรรคหนึ่ง
....อ่านเพิ่มเติม คลิ๊ก....
2. สาระสำคัญตามระเบียบที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์การอุทธรณ์คำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในกรณีมีพยานหลักฐานใหม่ซึ่งอาจทำให้ข้อเท็จจริงเปลี่ยนแปลงไปในสาระสำคัญ พ.ศ. 2551
1. คำนิยามศัพท์ที่สำคัญ (ตามข้อ 3)
“อุทธรณ์” หมายความว่า อุทธรณ์ของผู้ต้องคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ได้ยื่นต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา
“ผู้พิพากษา” หมายความว่า ผู้พิพากษาในศาลฎีกาซึ่งดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าผู้พิพากษาศาลฎีกาหรือผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา
....อ่านเพิ่มเติม คลิ๊ก....
***** บริษัท เอสเอ็มอี ลอว์ เซอร์วิส จำกัด บริการด้านกฎหมายครบวงจร โดยให้การบริการภายใต้คำนิยาม บริการด้านกฎหมาย ด้วยหัวใจนักกฎหมายมืออาชีพ” มีปัญหาเรื่องกฎหมายโทรหาเราที่เบอร์ 02-6300-460 , 02-2365-722 เวลา 8.30-18.00 นาฬิกา วันจันทร์-เสาร์ นอกเวลาดังกล่าวสามารถติดต่อได้ที่ 083-4925-816 หรือ ทาง e-mail :smelawservice@hotmail.com ทาง facebook : www.facebook.com/smelawservice ทาง twitter : twitter.com/smelawservice *****
3. ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2542
1. ในการพิจารณาคดี ให้ศาลยึดรายงานของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นหลักในการพิจารณาและไต่สวนหาข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพิ่มเติมได้ตามที่เห็นสมควร ตามมาตรา 5 วรรคหนึ่ง
ในการปฏิบัติหน้าที่ ศาลมีอำนาจเรียกเอกสารหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องจากบุคคลใด หรือเรียกบุคคลใดมาให้ถ้อยคำ ตลอดจนให้ศาลอื่น พนักงานสอบสวน หน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น ดำเนินการใดเพื่อประโยชน์แห่งการพิจารณาได้ ตามาตรา 5 วรรคสอง
....อ่านเพิ่มเติม คลิ๊ก....
หน้าที่ของทนายความคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
1. เตรียมคดี โดยการตรวจสอบ และค้นหาข้อเท็จจริงจากบุคคลทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องให้รอบด้านมากที่สุด
2. รวบรวมและตรวจสอบความเรียบร้อย ถูกต้อง ครบถ้วนสมบูรณ์ของเอกสาร เพราะคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอาจต้องมีเอกสารที่เข้ามาเกี่ยวข้องจำนวนมาก เช่น บัญชีทรัพย์สิน หรือเอกสารเกี่ยวกับคำสั่งต่างๆ หรือสัญญาการจัดซื้อจัดจ้างต่างๆ เป็นต้น
3. ตรวจค้นข้อกฎหมาย และคำวินิจฉัยของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่เคยมีมาแล้ว รวมถึงตรวจสอบอายุความหรือระยะเวลาในการดำเนินคดีของลูกความ
4. อาจเป็นทนายความได้ทั้งฝ่ายโจทก์ โดยกรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. แต่งตั้งให้ฟ้องคดีแทนตามมาตรา 11 วรรคสอง หรืออาจแก้ต่างให้แก่จำเลยผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือบุคคลผู้เป็นตัวการ ผู้ใช้ หรือผู้สนับสนุนก็ได้
5. ติดตามผลคดีอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาประโยชน์ของลูกความ
6. ให้ข้อมูลและคำปรึกษาอย่างถูกต้อง ครบถ้วนและเพียงพอสำหรับใช้ในการตัดสินใจแก่ลูกความ