เลขที่ 919/541 อาคารจิวเวลรี่ เทรด เซ็นเตอร์ ชั้น49 ถนนสีลม แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพ ฯ ไทย 10500
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบมาตรการลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่ขันของประเทศและให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนร่วมกับกระทรวงการคลังทบทวนการให้สิทธิประโยชน์ในการส่งเสริมการลงทุน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาก่อน และส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อนำเสนอนายกรัฐมนตรีลงนามต่อไป
สาระสำคัญของเรื่อง
1.มาตรการภาษีเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ มีรายละเอียดดังนี้
1.1ปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลให้คงจัดเก็บในอัตราร้อยละ 23 ของกำไรสุทธิสำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีรอบระยะเวลาบัญชี 2555 ที่สิ้นสุดในหรือหลังวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2555 และให้ลดลงคงจัดเก็บอัตราร้อยละ 20 ของกำไรสุทธิ สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2556 เป็นต้นไป
1.2ปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่เป็นวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมซึ่งมีทุนที่ชำระแล้วในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกินห้าล้านบาท ทั้งนี้ ได้เพิ่มเงื่อนไขให้การได้รับสิทธิประโยชน์โดยวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมข้างต้น ต้องมีรายได้จากการประกอบกิจการขายสินค้าและการให้บริการไม่เกิน 30 ล้านบาท ต่อรอบระยะเวลาบัญชี โดยจะได้รับสิทธิประโยชน์ ดังนี้
(1)ยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิเฉพาะส่วนที่ไม่เกิน 150,000 บาท
(2)ให้เสียภาษีในอัตราร้อยละ 15 ของกำไรสุทธิ เฉพาะส่วนที่เกิน 150,000 บาท แต่ไม่เกินหนึ่งล้านบาท สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2555 เป็นต้นไป
(3)ให้เสียภาษีในอัตราร้อยละ 23 ของกำไรสุทธิ เฉพาะส่วนที่เกินหนึ่งล้านบาท สำหรับรอบระยะเวลาบัญชี 2555 ที่สิ้นสุดในหรือหลังวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2555
(4)และให้เสียภาษีในอัตราร้อยละ 20 ของกำไรสุทธิ เฉพาะส่วนที่เกินหนึ่งล้านบาท สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2556 เป็นต้นไป
(5)อย่างไรก็ดี หากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่เป็นวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมข้างต้นมีทุนชำระแล้วเกินกว่าที่กำหนดหรือมีรายได้เกินกว่าหลักเกณฑ์ที่กำหนดจะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ภาษีและในปีต่อๆไป จะต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตราเดียวกันนิติบุคคลโดยทั่วไป
1.3สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่เคยนำหลักทรัพย์มาจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2552 ซึ่งได้รับสิทธิเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตราร้อยละ 25 ของกำไรสุทธิ จะได้รับการลดอัตราเหลือร้อยละ 23 ของกำไรสุทธิเฉพาะรอบระยะเวลาบัญชี 2555 ที่สิ้นสุดในหรือหลังวันที่ 31 ธันวาคม 2555 และได้รับการลดอัตราเหลือร้อยละ 20 สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม 2556 เป็นต้นไป
1.4ปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทที่ได้รับการจดทะเบียนหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยตามข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่าด้วยการรับหลักทรัพย์จดทะเบียนใน "ตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ" โดยให้จัดเก็บในอัตราร้อยละยี่สิบห้าของกำไรสุทธิเฉพาะส่วนที่ไม่เกินห้าสิบล้านบาท สำหรับรอบระยะเวลาบัญชี 2554 ที่สิ้นสุดในหรือหลังวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2554 ตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้
(1)เป็นบริษัทที่ได้รับการจดทะเบียนหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยตามข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่าด้วยการรับหลักทรัพย์จดทะเบียนใน "ตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ" ระหว่างวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2553 ถึง 31ธันวาคม 2554 หรือ
(2)เป็นบริษัทที่ได้รับการจดทะเบียนหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยตามข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่าด้วยการรับหลักทรัพย์จดทะเบียนใน "ตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอ ไอ" ก่อนวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2553 และไม่เคยได้รับสิทธิในการลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลเหลือร้อยละยี่สิบของกำไรสุทธิหรือ
(3)เป็นบริษัทที่ได้รับการจดทะเบียนหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศตามข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่าด้วยการรับหลักทรัพย์จดทะเบียนใน "ตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ" ก่อนวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2553 และได้รับสิทธิในการลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลเหลือร้อยละยี่สิบของกำไรสุทธิ โดยใช้สิทธิในการลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลครบสามรอบระยะเวลาบัญชีต่อเนื่องกัน ภายในรอบระยะเวลาบัญชี 2553 ที่สิ้นสุดในหรือหลังวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2553 แล้ว
ที่มา : http//www.thaigov.go.th