ภาษา : ไทย
เข้าสู่ระบบ


รับข่าวสาร
อีเมล์ของคุณ :
 สมัคร    ยกเลิก




ติดต่อเรา


สังคมออนไลน์
  


  QR Code


สถิติของเว็บไซต์
01/08/2555
21/08/2567
15192871
383646


ออนไลน์
ผู้ใช้งานขณะนี้ :
 
 บุคคลทั่วไป  340 ราย


คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7750/2548 

           โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตาม ป.อ. มาตรา 340, 340 ตรี, 371, 91, 83 พ.ร.บ. อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนเงิน 4,900 บาท แก่ผู้เสียหาย และนับโทษจำเลยแต่ละคนต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 2024/2545 ของศาลชั้นต้น

          จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ และรับว่าต่างก็เป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ

          ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 340 วรรคสอง ประกอบมาตรา 340 ตรี, 371 พ.ร.บ. อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 วรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสอง การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตาม ป.อ. มาตรา 91 ฐานร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธปืนและใช้ยานพาหนะ จำคุกคนละ 18 ปี ฐานร่วมกันมีอาวุธปืนไม่มีทะเบียนโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุกคนละ 1 ปี ฐานร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและไม่มีเหตุสมควร เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตาม พ.ร.บ. อาวุธปืนฯ ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตาม ป.อ. มาตรา 90 จำคุกคนละ 6 เดือน รวมจำคุกคนละ 19 ปี 6 เดือน จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษตาม ป.อ. มาตรา 78 ลดโทษให้คนละกึ่งหนึ่ง คงจำคุกคนละ 9 ปี 9 เดือน ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนเงิน 4,900 บาท แก่ผู้เสียหาย เนื่องจากศาลยังมิได้มีคำพิพากษาให้ลงโทษจำเลยทั้งสองในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ จึงให้ยกคำขอในส่วนนี้

          โจทก์อุทธรณ์

          ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 340 วรรคสี่ ประกอบมาตรา 340 ตรี ลงโทษจำคุกคนละ 24 ปี ลดโทษให้ตามมาตรา 78 คนละกึ่งหนึ่ง คงจำคุกคนละ 12 ปี เมื่อรวมกับโทษตาม พ.ร.บ. อาวุธปืนฯ อีก 2 กระทง ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้วเป็นจำคุกคนละ 12 ปี 9 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

          จำเลยที่ 2 ฎีกา

          ศาลฎีกาวินิจฉัยว่ามีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 2 มีว่า จำเลยที่ 2 ต้องร่วมรับผิดกับการกระทำที่จำเลยที่ 1 ใช้ปืนยิงขึ้นฟ้า 2 นัด ตาม ป.อ. มาตรา 340 วรรคสี่ ด้วยหรือไม่ ป.อ. มาตรา 340 วรรคสอง บัญญัติว่า "ถ้าในการปล้นทรัพย์ผู้กระทำแม้แต่คนหนึ่งคนใดมีอาวุธติดตัวไปด้วย ผู้กระทำต้องระวางโทษ ฯลฯ" แสดงให้เห็นเจตนาของกฎหมายว่ามุ่งเอาผิดแก่ผู้ปล้นทรัพย์ทุกคน ถ้าผู้กระทำแม้แต่คนหนึ่งคนใดมีอาวุธติดตัวไปด้วย เพราะผู้กระทำอาจใช้อาวุธนั้นทำร้ายผู้เสียหายอันเป็นเหตุฉกรรจ์ได้ ความในวรรคสี่ของมาตราเดียวกันบัญญัติว่า "ถ้าการปล้นทรัพย์ได้กระทำโดย ฯลฯ ใช้ปืนยิง ฯลฯ ผู้กระทำต้องระวางโทษ ฯลฯ" แสดงให้เห็นต่อเนื่องกันไปว่าถ้าผู้กระทำแม้แต่คนหนึ่งคนใดใช้ปืนยิงในการปล้นทรัพย์นั้น ผู้ร่วมปล้นทรัพย์ทุกคนก็ยังคงต้องร่วมรับผิดในการกระทำนั้นตามเจตนารมณ์ของกฎหมายในมาตราเดียวกัน ดังนั้น จำเลยที่ 2 จึงต้องร่วมรับผิด เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 1 ใช้ปืนยิงในการปล้นทรัพย์ ข้อที่จำเลยที่ 2 อ้างว่าขณะจำเลยที่ 1 ใช้ปืนยิงนั้น จำเลยที่ 2 ขับรถจักรยานยนต์ของจำเลยที่ 1 ออกมาห่างจากนายพิทยาเกือบ 30 เมตร และอยู่ห่างจากถนน 2 เมตรเท่านั้น ทำนองว่าการปล้นทรัพย์ขาดตอนไปแล้ว เห็นว่า การปล้นทรัพย์จะขาดตอนแล้วหรือไม่ ย่อมต้องพิจารณาจากพฤติการณ์แห่งคดีตามข้อเท็จจริงที่ได้ความ ซึ่งมิได้จำกัดด้วยระยะทางดังที่จำเลยที่ 2 เข้าใจ คดีนี้แม้จำเลยที่ 2 จะขับรถจักรยานยนต์ของจำเลยที่ 1 ออกมาเกือบถึงถนนสายป่าโมก - สุพรรณบุรีแล้ว แต่ก็ยังอยู่ในบริเวณสถานีบริการน้ำมันที่เกิดเหตุซึ่งทางฝ่ายนายพิทยากับพวกยังอาจติดตามขัดขวางการปล้นทรัพย์นั้นได้ ยังอยู่ในขั้นตอนของการพาเอาทรัพย์ไป การปล้นทรัพย์ของจำเลยทั้งสองกับพวกจึงยังไม่ขาดตอนที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาว่าจำเลยที่ 2 ต้องร่วมรับผิดกับการที่จำเลยที่ 1 ใช้ปืนยิงในการปล้นทรัพย์ตาม ป.อ. มาตรา 340 วรรคสี่ จึงชอบแล้ว ข้อที่จำเลยที่ 2 ฎีกาว่า ขณะเกิดเหตุตนมีอายุเพียง 19 ปี ตามบันทึกคำให้การของผู้ต้องหา จึงสมควรได้รับการลดหย่อนโทษนั้น เห็นว่า แม้ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 2 จะมีอายุเพียง 19 ปี แต่พฤติการณ์แห่งคดีแสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 2 รู้ผิดชอบแล้วยังขืนกระทำความผิดโดยอุกอาจ มิใช่ทำด้วยความคะนอง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ไม่ลดมาตราส่วนโทษแก่จำเลยที่ 2 จึงเหมาะสมแล้ว ฎีกาทุกข้อของจำเลยที่ 2 ฟังไม่ขึ้น

          พิพากษายืน.

 

 

( ธนพจน์ อารยลักษณ์ - โนรี จันทร์ทร - ศุภชัย สมเจริญ )

 

 

 ***** บริษัท เอสเอ็มอี ลอว์ เซอร์วิส จำกัด บริการด้านกฎหมายครบวงจร โดยให้การบริการภายใต้คำนิยาม บริการด้านกฎหมาย ด้วยหัวใจนักกฎหมายมืออาชีพ” มีปัญหาเรื่องกฎหมายโทรหาเราที่เบอร์  02-6300-460 , 02-2365-722 เวลา 8.30-18.00 นาฬิกา วันจันทร์-เสาร์ นอกเวลาดังกล่าวสามารถติดต่อได้ที่ 083-4925-816   หรือ                          ทาง e-mail :smelawservice@hotmail.com  ทาง facebook : www.facebook.com/smelawservice    ทาง twitter : twitter.com/smelawservice *****