ภาษา : ไทย
เข้าสู่ระบบ


รับข่าวสาร
อีเมล์ของคุณ :
 สมัคร    ยกเลิก




ติดต่อเรา


สังคมออนไลน์
  


  QR Code


สถิติของเว็บไซต์
01/08/2555
10/10/2567
17120057
387263


ออนไลน์
ผู้ใช้งานขณะนี้ :
 
 บุคคลทั่วไป  6 ราย


ทนายความคดีครอบครัว ทนายความคดีหย่า 02-6300-460 

ทนายความคดีครอบครัว
 
ทนายความคดีครอบครัว มีส่วนสำคัญในการช่วยให้คำปรึกษา แก้ปัญหาในคดีครอบครัวที่สำคัญ เพราะคดีครอบครัวเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เนื่องจากเป็นเรื่องความสัมพันธ์ของบุคคลสองฝ่าย ที่มีการขัด้แย้งที่เกี่ยวข้องกับอารมย์ ความรู้สึกของสามี ภรรยา ที่เคยใช้ชีวิตร่วมกัน และจะมีญาติ พี่น้อง และครอบครัวเข้ามาเกี่ยวข้อง  โดยสองฝ่ายมีความเห็นในการยุติการสมรสไม่ตรงกัน ทั้งเรื่องความประสงค์จะหย่า การจัดการสินสมรส การเลี้ยงดูบุตร การเลี้ยงดูภรรยาหลังจากหย่า การปกครองบุตร ข้อตกลงเกี่ยวกับการปกครองบุตร เป็นต้น
 
 

สาระสำคัญเกี่ยวกับคดีหย่า 

1. เรื่องการสมรสและการหย่านั้นมีกฎหมายบัญญัติรับรองอยู่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ5 ลักณะ 1 หมวด 2 ว่าด้วยเงื่อนไขของการสมรส และหมวด 6 ว่าด้วยการสิ้นสุดแห่งการสมรส

2. การสมรสของกฎหมายไทยจะต้องเป็นการสมรสของชายและหญิงเท่านั้น โดยสามีและภรรยาที่เป็นชายและหญิงต้องมีอายุตั้งแต่ 17 ปีบริบูรณ์ เว้นแต่มีเหตุอย่างหนึ่งอย่างใดหรือมีกฏหมายอนุญาตให้สมรสได้ก่อนอายุ 17 ปี ตามมาตรา 1448

3. กฎหมายไทยในปัจจุบันยังไม่อนุญาตให้จดทะเบียนสมรสระหว่างเพศเดียวกันได้

4. การสมรสตามกฎหมายไทย จะมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมาย ก็ต่อเมื่อได้ดำเนินการจดทะเบียนสมรสตามกฎหมายต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 1457

5. การหย่านั้นมีได้ด้วยกัน 2 กรณีคือ การหย่าโดยความยินยอมของคู่สมรสทั้งสองฝ่าย และการหย่าโดยคำพิพากษาของศาล ตามมาตรา 1514 วรรคหนึ่ง

7. การหย่าโดยความยินยอมต้องทำเป็นหนังสือและมีพยานลงลายมือชื่ออย่างน้อย 2 คน ตามมาตรา 1514 วรรคสอง และการหย่าโดยความยินยอมนั้นจะสมบูรณ์เป็นการหย่าจริงๆ ได้ก็ต่อเมื่อมีการจดทะเบียนหย่าต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว ตามมาตรา 1515

8.การหย่าโดยมีคำพิพากษา ต้องมีเหตุฟ้องหย่าก่อนดังต่อไปนี้ (มาตรา 1516)

    (1) สามีหรือภริยาอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องผู้อื่นฉันภริยาหรือสามี เป็นชู้หรือมีชู้ หรือร่วมประเวณีกับผู้อื่นเป็นอาจิณ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้

    (2) สามีหรือภริยาประพฤติชั่ว ไม่ว่าความประพฤติชั่วนั้นจะเป็นความผิดอาญาหรือไม่ ถ้าเป็นเหตุให้อีกฝ่ายหนึ่ง

         (ก) ได้รับความอับอายขายหน้าอย่างร้ายแรง

         (ข) ได้รับความดูถูกเกลียดชังเพราะเหตุที่คงเป็นสามีหรือภริยาของฝ่ายที่ประพฤติชั่วอยู่ต่อไปหรือ

         (ค) ได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อนเกินควร ในเมื่อเอาสภาพฐานะ และความเป็นอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยามาคำนึงประกอบ

         อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้

    (3) สามีหรือภริยาทำร้าย หรือทรมานร่างกายหรือจิตใจหรือหมิ่นประมาทหรือเหยียดหยามอีกฝ่ายหนึ่งหรือบุพการีของอีกฝ่ายหนึ่ง ทั้งนี้ ถ้าเป็นการร้ายแรง อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้

    (4) สามีหรือภริยาจงใจละทิ้งร้างอีกฝ่ายหนึ่งไปเกินหนึ่งปีอีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้

    (4/1) สามีหรือภริยาต้องคำพิพากษาถึงที่สุึดให้จำคุกและได้ถูกจำคุกเกิน 1 ปีในความผิดที่อีกฝ่ายหนึ่งมิได้มีส่วนก่อให้เกิดการกระทำความผิดหรือยินยอมหรือรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดนั้นด้วย และการเป็นสามีภริยากันต่อไปจะเป็นเหตุให้อีกฝ่ายหนึ่งได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อนเกินควร อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้

    (4/2) สามีและภริยาสมัครใจแยกกันอยู่เพราะเหตุไม่อาจอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาได้โดยปกติสุขตลอดมาเกิน 3 ปีหรือแยกกันอยู่ตามคำสั่งของศาลเป็นเวลาเกินสามปี ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้

    (5) สามีหรือภริยาถูกศาลสั่งให้เป็นคนสาบสูญ หรือไปจากภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่เป็นเวลาเกิน 3 ปีโดยไม่มีใครทราบแน่ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้

    (6) สามีหรือภริยาไม่ให้ความช่วยเหลืออุึปการะเลี้ยงดูอีกฝ่ายหนึ่งตามสมควรหรือทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการที่เป็นสามีหรือภริยากันอย่างร้ายแรง ทั้งนี้ ถ้าการกระทำนั้นถึงขนาดที่อีกฝ่ายหนึ่งเดือดร้อนเกินสมควรในเมื่อเอาสภาพ ฐานะและความเป็นอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยามาคำนึงประกอบ อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้

    (7) สามีหรือภริยาวิกลจริตตลอดมาเกิน 3 ปี และความวิกลจริตนั้นมีลักษณะยากจะหายได้ กับทั้งความวิกลจริตถึงขนาดที่จะทนอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาต่อไปไม่ได้ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้

    (8) สามีหรือภริยาผิดทัณฑ์บนที่ทำให้ไว้เป็นหนังสือในเรื่องความประพฤติอีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้

    (9) สามีหรือภริยาเป็นโรคติดต่ออย่างร้ายแรงอันอาจเป็นภัยแก่อีกฝ่ายหนึ่งและโรคมีลักษณะเรื้อรังไม่มีทางที่จะหายได้อีก อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้

    (10) สามีหรือภริยามีสภาพแห่งกาย ทำให้สามีหรือภริยานั้นไม่อาจร่วมประเวณีได้ตลอดกาล อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้

9. เหตุฟ้องหย่าตามมาตรา 1516(1) และ (2) ถ้าสามีหีรือภริยาแล้วแต่กรณี ได้ยินยอมหรือรู้เห็นเป็นใจในการกระทำที่เป็นเหตุหย่านั้น ฝ่ายที่ยินยอมหรือรู้เห็นเป็นใจนั้นจะยกเป็นเหตุฟ้องหย่าไม่ได้ ตามมาตรา 1517 วรรคหนึ่ง

    เหตุฟ้องหย่าตามมาตรา 1516(10) ถ้าเกิดเพราะการกระทำของอีกฝ่ายหนึ่ง อีกฝ่ายหนึ่งนั้นจะยกเป็นเหตุฟ้องหย่าไม่ได้ ตามมาตรา 1517 วรรคสอง

    ในการณีฟ้องหย่าโดยอาศัยเหตุแห่งการผิดทันฑ์บนตามมาตรา 1516(8) นั้น ถ้าศาลเห็นว่าความประพฤติของสามีหรือภริยาอันเป็นเหตุ่ให้ืทำทัณฑ์บนเป็นเหตุเล็กน้อยหรือไม่สำคัญเกี่ยวแก่การอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาโดยปกติสุข ศาลจะไม่พิพากษาให้หย่าก็ได้

10. สิทธฟ้องหย่าย่อมหมุดไปในเมื่อฝ่ายที่มีสิทธิฟ้องหย่าได้กระทำการอันแสดงให้เห็นว่าได้ให้อภัยในการกระทำของอีกฝ่ายหนึ่งซึ่งเป็นเหตุให้เกิดสิทธิฟ้องหย่านั้นแล้ว ตามมาตรา 1518

11. ในกรณีหย่าโดยความยินยอม ให้สามีภริยาทำความตกลงเป็นหนังสือว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรคนใด ถ้ามิได้ตกลงกันหรือตกลงกันไม่ได้ให้ศาลเป็นผุ้ชี้ขาด ตามมาตรา 1520 วรรคหนึ่ง

     ในกรณีหย่าโดยคำพิพากษาของศาล ให้ศาลซึ่งพิจารณาคดีฟ้องหย่านั้นชี้ขาดด้วยว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรคนใด ในการพิจารณาชี้ขาดถ้าศาลเห็นว่ามีเหตุที่จะถอนอำนาจปกครองของคู่สมรสนั้นได้ตามมาตรา 1582 ศาลจะถอนอำนาจปกครองของคู่สมรสและสั่งให้บุคคลภายนอกเป็นผู้ปกครองก็ได้ ทั้งนี้ ให้ศาลคำนึงถึงความผาสุกและประโยชน์ของบุตรนั้นเป็นสำคัญ ตามมาตรา 1520 วรรคสอง

 

 

 

 ***** บริษัท เอสเอ็มอี ลอว์ เซอร์วิส จำกัด บริการด้านกฎหมายครบวงจร โดยให้การบริการภายใต้คำนิยาม บริการด้านกฎหมาย ด้วยหัวใจนักกฎหมายมืออาชีพ” มีปัญหาเรื่องกฎหมายโทรหาเราที่เบอร์   02-6300-460 , 02-2365-722 เวลา 8.30-18.00 นาฬิกา วันจันทร์-เสาร์ นอกเวลาดังกล่าวสามารถติดต่อได้ที่ 083-4925-816   หรือ                          ทาง e-mail :smelawservice@hotmail.com  ทาง facebook : www.facebook.com/smelawservice    ทาง twitter : twitter.com/smelawservice *****

 

 

 

หน้าที่ของทนายความคดีหย่า

1. เตรียมคดี โดยการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่างๆ ทั้งจากฝ่ายลูกความและบุคคลที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย

2. ตรวจสอบความเรียบร้อยของเอกสารว่าลูกความว่ามีครบถ้วนถูกต้องหรือไม่ เพราะคดีหย่าอาจต้องมีเอกสารหลักฐานหรือหนังสือ เพื่อแสดงต่อศาลในการสืบพยานด้วย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 เช่น สัญญาหย่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1514 วรรคสอง เป็นต้น

3. ตรวจสอบสิทธิ,หน้าที่ ทรัพย์สินทั้งสินสมรสและสินส่วนตัว ,ความเสียหายและดอกเบี้ยจำนวนโดยรวมทั้งหมดของลูกความและบุคคลฝ่ายอื่นที่เกี่ยวข้องด้วย เช่น คู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่ง , บุตร หรือบุคคลอื่นที่มาเป็นคู่สมรสซ้อน หรือบุคคลอื่นๆ ซึ่งอาจถูกเรียกค่าทดแทนได้ เป็นต้น

4. ค้นหาข้อกฎหมาย เช่น มีเหตุฟ้องหย่าเข้าเหตุใดเหตุหนึ่งตามกฎหมายหรือไม่ เป็นต้น คำพิพากษศาลฎีกาที่เกี่ยวข้อง และอายุความหรือระยะเวลาในการดำเนินคดีของลูกความ

5. ดูแลผลประโยชน์ของลูกความในผลความคืบหน้าของคดีอย่างสม่ำเสมอ

6. ให้คำแนะนำปรึกษาในทางกระบวนพิจารณาของศาลและข้อกฎหมายแก่ลูกความอย่างถูกต้องครบถ้วน เพื่อประกอบการตัดสินใจของลูกความ